tag:blogger.com,1999:blog-29513568628878524602024-02-19T20:15:27.130-08:00อาหารให้ประโยชน์อาหารเพื่อสุขภาพhttp://www.blogger.com/profile/16486872290051078796noreply@blogger.comBlogger5125tag:blogger.com,1999:blog-2951356862887852460.post-5026383779074513072018-06-09T08:15:00.001-07:002018-06-09T08:15:41.424-07:00กินคลีน กินลีน ต่างกันอย่างไร อันไหนดีกว่า ต้องรู้<p> ไม่ว่าสาวๆ หรือหนุ่มๆ ก็ให้ความสำคัญกับการดูแลรูปร่าง รักษาหุ่นให้ฟิตแอนด์เฟิร์มอยู่เสมอ เชื่อเลยว่า หลายๆ คนคงเลือกทาน “อาหารคลีน” ควบคู่กับการออกกำลังกายใช่ไหมล่ะคะ แต่รู้หรือไม่คะว่านอกจากอาหารคลีนที่เรารู้จักกันดีแล้ว ยังมี “อาหารลีน” อีกชนิดที่ดีต่อสุขภาพไม่แพ้กัน แล้วอาหารคลีนและอาหารลีน มันต่างกันอย่างไร อันไหนดีกว่าเหรอ?</p> <p style="text-align:center"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjICJgNnWVHK-3m50uh0vyKK-ky4wtZOZ0fhEbxTISZL-vSORlRmzkV3akJgNSsy0lACHk-Azagi8FtU_F5y6GMd_Z1i-gQ_Ilg9xX1Su50BDS9b-pY91TlLiE9AwDYCwfqaIcpAKQhDSDe/s1600/30813f227a55c9a93bb929a37176899e-741426.jpg"><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjICJgNnWVHK-3m50uh0vyKK-ky4wtZOZ0fhEbxTISZL-vSORlRmzkV3akJgNSsy0lACHk-Azagi8FtU_F5y6GMd_Z1i-gQ_Ilg9xX1Su50BDS9b-pY91TlLiE9AwDYCwfqaIcpAKQhDSDe/s320/30813f227a55c9a93bb929a37176899e-741426.jpg" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_6565103789709403474" /></a></p> <p> สำหรับอาหารคลีนและอาหารลีน แน่นอนว่าเป็นที่นิยมของเหล่าคนรักสุขภาพค่า เพราะเป็นอาหารที่มีสารอาหารจำเป็นต่อร่างกาย เหมาะกับผู้ที่ลดน้ำหนัก ลดหุ่น รักษาสุขภาพ แล้วเราควรจะเลือกทานอาหารชนิดไหนล่ะ? วันนี้เรามีคำตอบมาให้คุณแล้วค่า อาหารชนิดไหนจะเหมาะกับใคร ตามเรามาดูกันเลย!</p> <p style="text-align:center"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg13MWnQQ_jd7s86wn0IjWvxpFRLrL8tJxMahbmXhU8TAoUdjDBmyezix3tMw_iKBL13K-9cKK6YfhDlbH6noLX1JleslC_IyH1260xVaO5MYqMjmbMy2cDoeRY1spZQu6GewQBQyMOStaP/s1600/802ec543a50f7bf12f8638ee0e977dde-743581.jpg"><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg13MWnQQ_jd7s86wn0IjWvxpFRLrL8tJxMahbmXhU8TAoUdjDBmyezix3tMw_iKBL13K-9cKK6YfhDlbH6noLX1JleslC_IyH1260xVaO5MYqMjmbMy2cDoeRY1spZQu6GewQBQyMOStaP/s320/802ec543a50f7bf12f8638ee0e977dde-743581.jpg" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_6565103799572131410" /></a></p> <p> กินคลีน </p> <p> ท่องจำไว้เลยค่าหนุ่มๆ สาวๆ ว่าอาหารคลีน ใครๆ ก็ทานได้ เหมาะกับคนทั่วไป คนที่ลดน้ำหนัก และผู้สูงอายุ ไม่จำเป็นว่า ต้องลดน้ำหนักแล้วถึงจะกินคลีนได้นะจ๊ะ สาวๆ คงทราบกันแล้วใช่ไหมคะว่า การกินคลีน เค้ามีหลักการง่ายๆ นั่นคือ เน้น ลด งด เปลี่ยน เลี่ยง ซึ่งเจ้าหลักการที่ว่านี้มีอะไรที่ต้องเน้น หรือต้องลด เราก็สรุปมาให้สาวๆ ทำความเข้าใจแบบง่ายๆ กันแล้วจ้า</p> <p style="text-align:center"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg7Y0iEKvuTSEPtRDt6Qo9NsT87uPF8-I4mqI__my9dcGj4qIe8gjGLBh59Y3mI19y6qpEquPZ56jobS6vV31Nesfhrxoy2zXSXsdJgn3aWq4lT6PF8cddckyU-DIOqx-rIl1mvki0P7GKe/s1600/137cb3157fd1e6f9c75b097182331ee2-745856.jpg"><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg7Y0iEKvuTSEPtRDt6Qo9NsT87uPF8-I4mqI__my9dcGj4qIe8gjGLBh59Y3mI19y6qpEquPZ56jobS6vV31Nesfhrxoy2zXSXsdJgn3aWq4lT6PF8cddckyU-DIOqx-rIl1mvki0P7GKe/s320/137cb3157fd1e6f9c75b097182331ee2-745856.jpg" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_6565103811370693362" /></a></p> <p> 1. เน้น </p> <p>มาเริ่มที่หลักการเน้นก่อนเลยค่า ซึ่งเน้นของเค้า คือ การเน้นให้ทานอาหารที่หลากหลายค่ะ เพื่อให้ร่างกายของเราได้รับสารอาหารครบถ้วน เน้นผัก ผลไม้สดๆ และที่สำคัญต้องใช้วัตถุดิบแบบปลอดภัย ปลอดสารพิษ ให้อารมณ์ความออร์แกนิคสุดๆ!</p> <p> </p> <p> 2. ลด </p> <p> มาต่อกันด้วยการลดค่า ลดของการกินคลีน ไม่ใช่ให้อดอาหารนะคะ แต่หมายถึง ให้ลดการใช้เครื่องปรุง อย่างเช่น น้ำตาล เกลือ ซึ่งให้ใช้ปริมาณน้อยลงในการปรุงอาหารนั่นเอง ตัวจะได้ไม่บวมโซเดียมนะจ๊ะ!</p> <p> </p> <p> 3. งด </p> <p>ข้อนี้อาจทำได้ยากสักนิด สำหรับใครที่เทใจให้ขนมกรุบกรอบ ชีวิตนี้ชั้นขาดไม่ได้! เพราะการกินคลีนเค้าให้งดอาหารแปรรูปทั้งหมดเลยค่า ไม่ว่าจะเป็นอาหารสำเร็จรูป ขนมกรุบกรอบต่างๆ ซึ่งเค้าจะทำให้เราตัวอ้วน มีห่วงยางรอบเอวได้ง่ายๆ เนื่องจากมีคาร์โบไฮเดรตและโซเดียมมหาศาล! อาจจะเศร้าสักนิดที่ต้องงด แต่คอนเฟิร์มเลยว่า ชีวิตดี ไขมันลด เซลลูไลท์หายแน่นอน!</p> <p> </p> <p> 4. เปลี่ยน </p> <p>ใครทำข้อนี้ได้ คุณก็เตรียมตัวเป็นเจ้าของหุ่นสวยเฟิร์มได้เลย หลักการนี้ไม่ยาก เพียงคุณเปลี่ยนมาทานคาร์โบไฮเดรตจากข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท แทนข้าวขาวและเบเกอรี่ เปลี่ยนผลไม้น้ำตาลสูง หวานฉ่ำมาทานผลไม้เนื้อกรอบ ไฟเบอร์สูง และรับโปรตีนเน้นๆ จากไข่ ไก่ และปลา รวมถึงใช้น้ำมันมะกอกหรือเนยใสในการปรุงอาหาร เท่านี้หุ่นก็สวย กระชับได้ไม่ยากแล้ว!</p> <p> </p> <p> 5. เลี่ยง </p> <p> ปิดท้ายการกินคลีนด้วย การเลี่ยงของมัน ของทอด ของหวานทั้งหลายที่ยั่วยวนใจให้ลิ้มลอง แอบกระซิบว่าบางคนถึงกับเลี่ยงผลไม้น้ำตาลสูงไปด้วยเลยค่า นอกจากนี้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ควรเลี่ยงเช่นกัน ถ้าไม่อยากตัวบวม!<br /> คาดว่าหลายๆ คนคงเข้าใจแล้วว่า การกินคลีนจะช่วยลดน้ำหนัก ทำให้หุ่นเฟิร์มขึ้น อีกทั้งช่วยบำรุงผิวพรรณให้ดูอ่อนกว่าวัย แถมยังช่วยลดโอกาสการเป็นมะเร็งและโรคร้ายต่างๆ ได้อีกด้วย สาวๆ คะ หันมากินคลีนกันเถอะ!</p> <p> </p> <p> กินลีน </p> <p> ขอเอาใจผู้ที่รักการออกกำลังกาย นักกีฬา หรือใครที่หันมาดูแลหุ่นให้เป๊ะทั่วเรือนร่าง ด้วยการกินลีนค่า ซึ่งการกินลีน คือ การกินเยอะ แต่หุ่นเฟิร์ม ห้ะ! เป็นไปได้เหรอ? เป็นไปได้ค่ะ เพราะการกินเยอะในที่นี้ หมายถึง เน้นทานโปรตีน แต่ลดแป้ง ลดน้ำตาล และทานอาหารที่มีไขมันให้น้อยที่สุด หรือไม่ทานเลย เพื่อลีนไขมันออกจากร่างกายให้ได้มากที่สุดนั่นเอง จึงเหมาะกับผู้ที่ออกกำลังกาย เพื่อสร้างกล้ามเนื้อให้เฟิร์ม กระชับ เป๊ะทุกองศา! หลักการของเค้าก็คล้ายๆ กับการกินคลีนเลยค่า จะมีอะไรบ้างมาดูกัน</p> <p> </p> <p> 1. เน้น </p> <p> <br /> ประเดิมการเน้น ด้วยเนื้อสัตว์ที่มีไขมันน้อยที่ซู้ดดกับผัก ผลไม้สดค่า ซึ่งเป็นการเน้นทานโปรตีนและอาหารที่มีไฟเบอร์สูง ซึ่งถ้าเป็นไข่และนม ก็ต้องออร์แกนิคด้วยนะ อีกทั้งผัก ผลไม้ ก็จะเป็นผักเคล ผักโขม ส้ม แอปเปิ้ล ฝรั่ง แคนตาลูป ของดีน้ำตาลน้อย ไม่ทำให้อ้วน!</p> <p> </p> <p> 2. ลด </p> <p> ลดของเค้า ก็คือ การลดคาร์โบไฮเดรต ทานได้เป็นบางมื้อเท่านั้น โดยให้ทานข้าวกล้อง และขนมปังโฮลวีท เพื่อไม่ให้ขาดสารอาหารค่า</p> <p> </p> <p> 3. เลี่ยง </p> <p> มาต่อด้วยการเลี่ยง ซึ่งการกินลีน เค้าให้เลี่ยงการปรุงอาหารหรือปรุงให้น้อยที่สุดค่ะ โดยเน้นรสธรรมชาติของอาหาร เพื่อลดสารพิษและสารเคมีสะสมในร่างกาย อีกทั้งเป็นการลดโซเดียมไปด้วยเลย อร่อยแบบธรรมชาติ ไม่ต้องปรุงแต่ง!</p> <p> </p> <p> 4. งด </p> <p>จบกันด้วยหลักการงดของการกินลีน ด้วยการงดของมัน ของทอด ของหวาน อาหารสำเร็จรูป อาหารแปรรูป หรืออาหารที่มีไขมันและโซเดียมทั้งหมดค่า รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยน้า งดขนาดนี้ จะเอาอะไรมาอ้วน หุ่นดีก็มาแทนน่ะสิ!<br /> การกินลีน เหมาะสำหรับผู้ที่อยากมีหุ่นเพรียวสวย สัดส่วนเป๊ะ กล้ามเนื้อกระชับ ซึ่งการกินลีนจะช่วยสร้างกล้ามเนื้อได้มากกว่าการกินคลีนค่า อย่างไรก็ตามก็ไม่ควรหักดิบ แค่ปรับทุกอย่างให้สมดุลก็เพียงพอแล้วค่ะ อีกทั้งการกินลีนไม่เหมาะที่จะทานติดต่อกันในระยะยาวค่ะสาวๆ เพราะเค้าเน้นทานโปรตีน โดยจะทำให้ตับและไตของเราทำงานหนัก ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพได้</p> อาหารเพื่อสุขภาพhttp://www.blogger.com/profile/16486872290051078796noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2951356862887852460.post-28354892240340595612018-06-08T01:36:00.001-07:002018-06-08T01:36:50.154-07:009 เมนูถั่วลิสง ชวนกินโปรตีนอร่อยหลากหลายจากธัญพืช<p style="text-align:center"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhU4ADIz-WHhm-En89qOlLIPr6R3kJTYv6cONH5NFZ-jOyVEbY1jXZKYICtyxxAOkPn8I6YfLzuGfUNrByh59P-n7qbaM8tVMUFvP2p-o3EnOyeXevVEz12gDQRuxcsHQqkKyFOajMABWpd/s1600/18bf5bbaf3c99e499b23a275ead6cb97-710156.jpg"><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhU4ADIz-WHhm-En89qOlLIPr6R3kJTYv6cONH5NFZ-jOyVEbY1jXZKYICtyxxAOkPn8I6YfLzuGfUNrByh59P-n7qbaM8tVMUFvP2p-o3EnOyeXevVEz12gDQRuxcsHQqkKyFOajMABWpd/s320/18bf5bbaf3c99e499b23a275ead6cb97-710156.jpg" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_6564629923416669778" /></a></p> <p style="text-align:center"><strong> ถั่วลิสงทำอะไรได้บ้าง ? จับมาทำเมนูถั่วลิสง สูตรอาหารอิ่มโปรตีนจากธัญพืช เหมาะทั้งเป็นเมนูกับข้าว อาหารว่าง และขนมหวานคลีน เลือกทำเลยอร่อยทุกอย่าง</strong></p> <p>เอ่ยถึงรายการอาหารถั่วดิน หลายท่านรำลึกถึงเพียงแค่ถั่วต้มหรือไม่ก็ถั่วคั่วเนอะ ลองทำเป็นรายการอาหารอาหารหรือของหวานบ้างดีไหม พวกเราขอนำเสนอขั้นตอนการทำรายการอาหารถั่วดิน เป็นต้นว่า ถั่วทอดแผ่น เนยถั่ว คุกกี้เนยถั่ว ต้มถั่วดินกระดูกหมู ฯลฯ ไปซื้อถั่วดินมารอพร้อมฝ่ากัน</p> <p style="text-align:center"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj8HvhpkEo9a0dAIF7g647sfs73wxVAgIkrUXyy2lYCaU-KFXuslHHDpCfzQEhjEV-geWsAg98md51YXgMvcKj6n3kEMciD8WB5aCi-LjniPDz-DsHrFe152KsyBeHbtguYlYaMn-DDuMwU/s1600/28c051f22ba21be616ded62368c239cb-712657.jpg"><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj8HvhpkEo9a0dAIF7g647sfs73wxVAgIkrUXyy2lYCaU-KFXuslHHDpCfzQEhjEV-geWsAg98md51YXgMvcKj6n3kEMciD8WB5aCi-LjniPDz-DsHrFe152KsyBeHbtguYlYaMn-DDuMwU/s320/28c051f22ba21be616ded62368c239cb-712657.jpg" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_6564629931644842914" /></a></p> <p><br /> <strong><span style="font-size:16px">1. ถั่วลิสงต้ม</span></strong></p> <p> ใครอยากทำถั่วลิสงต้มกินเองเพราะซื้อกินเค็มเหลือเกิน ก็ไปหาซื้อถั่วลิสงดิบแล้วมาต้มกับน้ำเปล่าใส่เกลือเล็กน้อย พอต้มจนสุกก็รอหายร้อนแล้วค่อยหม่ำกันค่ะ</p> <p>ถั่วลิสงต้ม 1 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงานประมาณ 45 กิโลแคลอรี</p> <p><strong>ส่วนผสม ถั่วลิสงต้ม</strong></p> <p> • ถั่วลิสงดิบ<br /> • เกลือ 1+1/2 ช้อนโต๊ะ<br /> • น้ำเปล่า 3 ถ้วย</p> <p><strong>วิธีต้มถั่วลิสง</strong></p> <p> 1. ล้างถั่วลิสงให้สะอาด เทใส่หม้อ ใส่เกลือลงไป เติมน้ำเปล่า เปิดไฟ พอเดือดปล่อยทิ้งไว้ 30 นาที <br /> 2. ตักขึ้นมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ</p> <p>++++++++++++++++++</p> <p style="text-align:center"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj7VRPBAHVUXE9W3i9FZOKwXRQnLvSYWt16HisJzs4_Ryj9vZVErb5QFUg4xyrnvDnBWBp3rFbXwlGpWoIkt7D-LacXDojeIaS_cGLSDrMNpvTi0kIVdJCPchiOYr4_KVgTya0vFPUP53fL/s1600/cbfab7323eeb6ddf2a8f70663d858f9e-715440.jpg"><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj7VRPBAHVUXE9W3i9FZOKwXRQnLvSYWt16HisJzs4_Ryj9vZVErb5QFUg4xyrnvDnBWBp3rFbXwlGpWoIkt7D-LacXDojeIaS_cGLSDrMNpvTi0kIVdJCPchiOYr4_KVgTya0vFPUP53fL/s320/cbfab7323eeb6ddf2a8f70663d858f9e-715440.jpg" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_6564629944485609426" /></a></p> <p><br /> <strong><span style="font-size:16px">2. ถั่วลิสงคั่ว</span></strong></p> <p> ถั่วลิสงต้มบ่อย ๆ แค่เห็นก็แอบเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ ลองหาซื้อถั่วลิสงดิบมาคั่วกินกันบ้างดีไหม แค่จับถั่วไปคั่วในกระทะจนสุกหอม สำหรับใครไม่กินเปลือกถั่วก็ฝัดออกไป แค่นี้ก็เรียบร้อย หรือถ้าอยากเติมเกลือหรือเติมเครื่องสมุนไพรก็ใส่ลงไปพร้อมกับการคั่วเลยจ้า</p> <p><strong>ส่วนผสม ถั่วลิสงคั่ว</strong></p> <p> • เม็ดถั่วลิสงดิบ <br /> • เกลือป่น เล็กน้อย</p> <p><strong>วิธีทำถั่วลิสงคั่ว</strong></p> <p> 1. ตั้งกระทะใช้ไฟกลาง ใส่ถั่วและเกลือลงไปคั่วในกระทะ คั่วไปเรื่อย ๆ จนสุกเปลี่ยนสีและกลิ่นหอม รวมทั้งเปลือกร่อนออกจากถั่ว ปิดไฟ <br /> 2. ปล่อยให้เย็นลง เทใส่ภาชนะ ใช้มือบีบขยำถั่วเพื่อให้เปลือกร่อนออก เสร็จแล้วเขย่าเบา ๆ เพื่อฝัดเปลือกถั่วออกไป</p> <p>++++++++++++++++++</p> <p><br /> <strong><span style="font-size:16px">3. ถั่วลิสงทอด ถั่วทอดแผ่น</span></strong></p> <p> นานมาแล้วที่ไม่ได้กินถั่วทอดแผ่นหรือถั่วแผ่นทอด ครั้นซื้อกินก็ใส่ถั่วไม่เต็มแผ่นเลยอยากทำเองสักครั้ง ก่อนอื่นไปหาซื้อพิมพ์ทอดถั่วก่อนเลย และที่ขาดไม่ได้เลยคือถั่วดิบและส่วนผสมน้ำแป้ง จะทำแผ่นเล็กหรือแผ่นใหญ่ก็ตามชอบเลยจ้า</p> <p>ถั่วลิสงแผ่นทอด 1 แผ่น ให้พลังงานประมาณ 150 กิโลแคลอรี</p> <p><strong>ส่วนผสม ถั่วทอดแผ่น</strong></p> <p> • ถั่วลิสงดิบ 6 ถ้วย <br /> • แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วย<br /> • แป้งมันสำปะหลัง 4 ช้อนโต๊ะ<br /> • ไข่ไก่ 2 ฟอง<br /> • น้ำตาลทราย 6 ช้อนโต๊ะ<br /> • เกลือ 1 ช้อนชา<br /> • น้ำปูนใส 1 ถ้วย<br /> • น้ำกะทิ 1 ถ้วย<br /> • น้ำมันสำหรับทอด<br /> • พิมพ์ถั่วทอด</p> <p><strong>วิธีทำถั่วทอดแผ่น</strong></p> <p> 1. เตรียมอ่างผสม ใส่แป้ง ไข่ น้ำตาลทราย และเกลือ คนพอเข้ากัน ค่อย ๆ เติมน้ำปูนใสลงไป นวดจนส่วนผสมเข้ากันดี เติมน้ำกะทิลงไป คนให้เข้ากัน แล้วนำไปกรองด้วยกระชอนถี่ ๆ หรือผ้าขาวบาง<br /> 2. ใส่น้ำมันลงในกระทะหรือหม้อสำหรับทอด พอน้ำมันร้อน นำพิมพ์ลงแช่ในน้ำมันพอร้อนแล้วนำขึ้นมา (เพื่อให้ขนมไม่ติดพิมพ์) เทน้ำมันออก <br /> 3. ตักแป้งใส่พิมพ์ความหนาบางตามชอบ โรยถั่วลงไปพอทั่ว นำพิมพ์ลงทอดในน้ำมันที่ร้อน ใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อน พอแป้งสุกจะลอยตัวหลุดพิมพ์ออกมาเอง ถ้ายังไม่หลุดก็ให้ช้อนหรือใช้ไม้ปลายแหลมช่วยแงะออก ทำจนแป้งหมด<br /> 4. ทอดจนแผ่นถั่วเหลืองกรอบทั้งสองด้าน ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน พอขนมเย็นตัวลง จัดเสิร์ฟหรือเก็บใส่ภาชนะมีฝาปิดสนิท</p> <p>++++++++++++++++++</p> <p><strong><span style="font-size:16px">4. ต้มรากบัวกระดูกหมูอ่อนใส่ถั่วลิสง</span></strong></p> <p> ใครจะไปเชื่อว่าเมนูถั่วลิสงเอามาทำอาหารคาวได้ด้วย พบกับเมนูต้มรากบัวกระดูกหมูอ่อนใส่ถั่วลิสง สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน น้ำซุปหอมหวานกระดูกหมูและเผ็ดพริกไทย ใส่ถั่วลิสงลงไปต้มจนสุกนิ่ม กินกับข้าวสวยอร่อยที่สุดเลย</p> <p><strong>ส่วนผสม ต้มรากบัวกระดูกหมูอ่อนใส่ถั่วลิสง</strong></p> <p> • กระดูกหมูอ่อน 300 กรัม<br /> • รากบัวจีน 350 กรัม<br /> • ถั่วลิสงดิบ 100 กรัม<br /> • พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา<br /> • น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา<br /> • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา<br /> • ซีอิ๊วขาว 1+1/2 ช้อนโต๊ะ<br /> • น้ำเปล่า 1 ลิตร</p> <p><strong>วิธีทำต้มรากบัวกระดูกหมูอ่อนใส่ถั่วลิสง</strong></p> <p> 1. เตรียมรากบัวจีน โดยนำรากบัวจีนมาล้างให้สะอาด ปอกเปลือกหั่นเป็นแว่น ล้างน้ำอีกครั้งพักไว้<br /> 2. ต้มน้ำเปล่าให้เดือด ใส่กระดูกหมูอ่อน และถั่วลิสงลงไป ลดไฟลง ต้มจนเปื่อยนานประมาณ 1 ชั่วโมง โดยระหว่างต้มให้หมั่นช้อนฟองให้น้ำซุปใส<br /> 3. บุบพริกไทยเม็ดใส่ลงไป ตามด้วยรากบัวที่เตรียมไว้ ปรุงรสด้วยเกลือป่น ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย ปิดฝาตุ๋นด้วยไฟอ่อน ๆ อีกประมาณ 30 นาที ตักใส่ชาม จัดเสิร์ฟ</p> <p><br /> ++++++++++++++++++</p> <p><strong><span style="font-size:16px">5. ถั่วกรอบแก้ว</span></strong></p> <p> เพลินปากแน่นอนถ้าได้กินถั่วกรอบแก้ว สูตรจากสูตรนี้ใส่ผงโกโก้เคลือบเม็ดถั่ว เพิ่มความหอมอร่อยจากงาขาวคั่วด้วย</p> <p><strong>ส่วนผสม ถั่วกรอบแก้ว</strong></p> <p> • ถั่วลิสงดิบ 3 + 1/2 ถ้วยตวง<br /> • น้ำตาลทราย 2+1/2 ถ้วยตวง<br /> • ผงโกโก้ 2-3 ช้อนโต๊ะ (หรือผงโอวัลติน)<br /> • ผงกาแฟเล็กน้อย (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)<br /> • น้ำเปล่า 1+1/2 ถ้วยตวง<br /> • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา<br /> • งาขาวคั่ว 1/4 ถ้วยตวง</p> <p><strong>วิธีทำถั่วกรอบแก้ว</strong></p> <p> 1. ล้างถั่วลิสงในน้ำสะอาด ใช้มือคนไป-มาแล้วคัดถั่วเม็ดที่เสียออกไป เทใส่ตะแกรงพักให้สะเด็ดน้ำ<br /> 2. ตั้งกระทะโดยยังไม่ต้องเปิดไฟ ใส่น้ำตาลทรายลงไป ตามด้วยผงโกโก้ คนให้เข้ากัน ใส่น้ำเปล่าลงไปคนให้เข้ากันจนน้ำตาลทรายละลาย ใส่ถั่วลิสงลงไปคนให้เข้ากัน เปิดไฟกลาง คนไปคนมาระยะหนึ่งจนน้ำเชื่อมเดือดพล่าน คนไม่ต้องบ่อยมาก<br /> 3. พอน้ำเชื่อมเริ่มเหนียวข้นเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มให้คนบ่อยขึ้น คนไปเรื่อย ๆ พอน้ำเชื่อมงวดและเหนียวมากขึ้นให้ปรับเป็นไฟอ่อน คนต่อไปเรื่อย ๆ อีกประมาณ 2-3 นาที สังเกตเห็นว่าน้ำเชื่อมแห้ง น้ำตาลตกทราย ปิดไฟ <br /> 4. โรยเกลือป่น เปิดไฟเป็นไฟอ่อน คนไปเรื่อย ๆ จนถั่วทุกเม็ดเริ่มเปียกและมีน้ำตาลเยิ้มออกมา โรยงาขาวคั่ว คนไปเรื่อย ๆ จนงาเคลือบทั่วตัวถั่ว ปิดไฟ <br /> 5. เทถั่วกรอบแก้วลงในถาดที่รองด้วยกระดาษรองอบ รองด้วยแผ่นซิลิโคน หรือถาดทาน้ำมัน รีบใช้ไม้พายเกลี่ยถั่วให้กระจายออกจากกัน หรือใช้ช้อนช่วยแยกให้ถั่วกระจายตัวก่อนถั่วจะแข็งตัวติดกันเป็นก้อน เริ่มแรกถั่วจะยังไม่กรอบ แต่พอเย็นตัวจะกรอบขึ้น พักทิ้งไว้จนเย็นสนิท เก็บใส่ขวดโหลได้นานเป็นเดือน เหมาะให้คนอื่นหรือเป็นของว่างในบ้าน</p> <p><br /> ++++++++++++++++++</p> <p style="text-align:center"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEihoYfbweHfI2uFDKLjW2NXPlUNHd_SuOfMXynNTnrA6ditk4Ep_GICVf7D5nBUciJ17ZJT0JVTU1Zb2HYdpmArfJi84g0a_wEHooBWE1OTZuZQNG9dD5oob48_dbzJQzw5Z4q9KQv96W-U/s1600/1198b171aef61d423cb0386fb654d4db-717572.jpg"><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEihoYfbweHfI2uFDKLjW2NXPlUNHd_SuOfMXynNTnrA6ditk4Ep_GICVf7D5nBUciJ17ZJT0JVTU1Zb2HYdpmArfJi84g0a_wEHooBWE1OTZuZQNG9dD5oob48_dbzJQzw5Z4q9KQv96W-U/s320/1198b171aef61d423cb0386fb654d4db-717572.jpg" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_6564629951772654914" /></a></p> <p><span style="font-size:16px"><strong>6. เนยถั่วช็อกโกแลตบอล</strong></span></p> <p> เด็กกินได้ ผู้ใหญ่ก็อยากกินด้วย พบกับเนยถั่วช็อกโกแลตบอล (Peanut Butter Chocolate Ball) สูตรจาก นิตยสาร Gourmet & Cuisine ใส่เนยถั่ว ข้าวโอ๊ต เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดทานตะวัน ช็อกโกแลตชิฟ และพระเอกของเราคือ ถั่วลิสงอบ พอปั้นเป็นก้อนกลมก็เอาไปแช่เย็นจนเซตตัวก่อนเสิร์ฟ</p> <p><strong>ส่วนผสม เนยถั่วช็อกโกแลตบอล (สำหรับ 5-6 ที่)</strong></p> <p> • เนยถั่ว 1 ถ้วย<br /> • น้ำผึ้ง 1/2 ถ้วย<br /> • น้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ<br /> • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา<br /> • ข้าวโอ๊ต 1 ถ้วย + 1/4 ถ้วย<br /> • เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบสับ 1/2 ถ้วย<br /> • เมล็ดทานตะวัน 1/4 ถ้วย<br /> • ถั่วลิสงอบสับ 1/4 ถ้วย<br /> • ช็อกโกแลตชิพ 1/2 ถ้วย</p> <p><strong>วิธีทำเนยถั่วช็อกโกแลตบอล</strong></p> <p> 1. ผสมเนยถั่ว น้ำผึ้ง และน้ำมันมะพร้าว ตั้งไฟอ่อน คนให้เข้ากันจนส่วนผสมข้นเหนียว ใส่กลิ่นวานิลลา คนให้เข้ากัน นำไปแช่ตู้เย็นให้ส่วนผสมเย็นตัว<br /> 2. พอส่วนผสมเนยถั่วเย็นแล้วใส่ข้าวโอ๊ต เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดทานตะวัน และถั่วลิสง คลุกเคล้าให้เข้ากันทั่ว ใส่ช็อกโกแลตชิพ คลุกให้ทั่ว <br /> 3. ปั้นเป็นก้อนกลมเท่าผลมะนาว (ผลเล็ก) เรียงใส่กล่อง ปิดฝา แช่เย็นก่อนเสิร์ฟ</p> <p><br /> ++++++++++++++++++</p> <p><br /> <strong><span style="font-size:16px">7. คุกกี้เนยถั่ว </span></strong></p> <p> เนยถั่วบอลก็เคยทำไปแล้ว คราวนี้มาถึงตาเมนูคุกกี้เนยถั่ว สูตรจาก ส่ทั้งเนยถั่วและถั่วอบ เติมความอร่อยด้วยช็อกโกแลตชิพ กรอบหอมกินได้เรื่อย ๆ ไม่มีเบื่อ</p> <p><strong>ส่วนผสม คุกกี้เนยถั่ว</strong></p> <p> • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 190 กรัม <br /> • ผงฟู 1/2 ช้อนชา <br /> • เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา<br /> • เกลือป่น 1/8 ช้อนชา <br /> • เนยเค็ม (แช่เย็น) 140 กรัม <br /> • เนยถั่วชนิดละเอียด 150 กรัม <br /> • น้ำตาลทรายแดง 100 กรัม <br /> • น้ำตาลทราย 160 กรัม <br /> • ไข่ไก่ (เบอร์ 2) 2 ฟอง<br /> • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา<br /> • ถั่วลิสงอบ 1 ถ้วย<br /> • ช็อกโกแลตชิพ 200 กรัม </p> <p><strong>วิธีทำคุกกี้เนยถั่ว</strong></p> <p> 1. อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส และใช้กระดาษรองถาดอบ เตรียมไว้ <br /> 2. ร่อนแป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดา เกลือ และวานิลลาชนิดผงเข้าด้วยกัน พักไว้ (ในสูตรใช้วานิลลาแบบน้ำก็เก็บไว้ใส่พร้อมไข่)<br /> 3. ใช้หัวตีรูปใบไม้ตีเนยสดกับเนยถั่วให้เข้ากัน ค่อย ๆ เติมน้ำตาลทรายทั้ง 2 ชนิดลงไป ตีด้วยความเร็วปานกลาง จนส่วนผสมเข้ากันดี เติมไข่ไก่ 1 ฟอง ตีให้ส่วนผสมเข้ากันแล้วค่อยใส่ไข่ไก่อีกฟอง ตีต่อให้เข้ากัน ปิดเครื่อง ใช้พายยางปาดส่วนผสมให้เข้ากัน<br /> 4. เปิดเครื่อง ใช้ความเร็วต่ำ เติมแป้งลงไปตีพอเข้ากัน ตามด้วยถั่วและช็อกโกแลตชิพ ผสมให้เข้ากัน (ขั้นตอนนี้ใครใช้เครื่องตีเครื่องเล็กก็ใช้พายยางผสมดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะฟุ้งกระจาย ใส่ถั่วอบ คนผสมพอเข้ากัน<br /> 5. ใช้ช้อนหรือที่ตักไอศกรีมตักคุกกี้หยอดลงบนถาดอบ วางห่างกันประมาณ 1-2 นิ้ว ใช้เวลาอบประมาณ 15 นาที จากนั้นยกออกจากเตา แซะวางบนตะแกรง รอจนอุ่นแล้วค่อยเก็บใส่กล่อง</p> <p><br /> ++++++++++++++++++</p> <p><br /> <strong><span style="font-size:16px">8. เนยถั่วลิสง (สูตรคลีน) </span></strong></p> <p> ใครอยากทำเนยถั่วแบบคลีน ๆ สำหรับเอาไปทาขนมปังหรือทำเป็นไส้ขนมเหมือนกันบ้าง พบกับเนยถั่วลิสง จับถั่วคั่วไปบดละเอียดแล้วผสมกับน้ำผึ้งและน้ำมันมะกอก พอเอาไปปั่นจนเนียนก็เรียบร้อย</p> <p><strong>ส่วนผสม เนยถั่วคลีน</strong></p> <p> • ถั่วลิสงคั่ว 2 ถ้วย <br /> • น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนชา (หรือตามชอบ)<br /> • น้ำมันมะกอก 2 ช้อนชา (หรือมากกว่าถ้าต้องการ)<br /> • น้ำร้อน</p> <p><strong>อุปกรณ์</strong></p> <p> • เครื่องปั่นน้ำผลไม้<br /> • ที่ปั่นอาหารแห้ง<br /> • ครก (*ถ้ามี)</p> <p><strong>วิธีทำเนยถั่วคลีน</strong></p> <p> 1. นำถั่วลิสงคั่วไปปั่นในเครื่องปั่นอาหารแห้งจนละเอียดเป็นผง <br /> 2. นำถั่วบดออกมาใส่ครก เติมน้ำผึ้ง (ปรับความหวานชิมตามชอบ) และน้ำมันมะกอก (ค่อย ๆ เติม ทีละน้อยถึงน้อยที่สุด) โขลกผสมให้เข้ากัน <br /> 3. นำส่วนผสมใส่เครื่องปั่น ปั่นจะเนียนเข้ากันดี และหมั่นคอยใช้ช้อนกด ๆ จนเข้ากันดี <br /> 4. นำออกจากเครื่องปั่น ค่อย ๆ เติมน้ำร้อนลงไปทีละนิดแล้วคนให้เข้ากันจนข้นเป็นครีม เทใส่กระปุกเก็บในตู้เย็น</p> <p><br /> ++++++++++++++++++</p> <p><strong><span style="font-size:16px">9. เนยถั่วลิสง (สูตรหวานน้อย)</span></strong></p> <p> มาต่อกันที่อีกสูตรเนยถั่วลิสง สูตรจาก สูตรนี้รสธรรมชาติ ไม่เติมความหวาน แต่ใส่ถั่วอบปั่นกับน้ำมันมะกอก จะกินเพียว ๆ หรือทาขนมปังก็อร่อยจ้า</p> <p><strong>ส่วนผสม เนยถั่วลิสง</strong></p> <p> • ถั่วลิสงอบ<br /> • น้ำมันมะกอก</p> <p><strong>วิธีทำเนยถั่วลิสง</strong></p> <p> นำถั่วลิสงไปปั่นจนละเอียด เติมน้ำมันมะกอกลงไปเล็กน้อย ปั่นจนเหนียว จากนั้นเทเก็บใส่กระปุก </p> <p> </p> <p> <strong> หลังจากซื้อถั่วต้มกินมานานก็อยากลองทำเองสักหน่อย และอยากทำถั่วคั่วอีกอย่างด้วย คราวนี้ถ้าผายลมคงรู้ตัวเลยว่ากลิ่นจากใครเนอะ ฮา ๆ </strong></p> อาหารเพื่อสุขภาพhttp://www.blogger.com/profile/16486872290051078796noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2951356862887852460.post-72473700891932049512018-06-07T23:08:00.001-07:002018-06-07T23:08:41.303-07:005 สมุนไพรไทย พิชิตความดันโลหิตสูง<p style="text-align:center"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgUnUZkWo308zgrtmAZABGYV6uqu-IOsSC1rkc7dgoUevaL0LEbekCJz5cFWc5AbQhDN6e_hiGupL022C-LcK8qLt2iy1IXyjw3GIOWV1fBgqNHyFYq0QLguc-nf_99pmBLzD5z4YNYQ1WV/s1600/a84ca7fbc8a6f88ce596fceaa0d271f3-721305.jpg"><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgUnUZkWo308zgrtmAZABGYV6uqu-IOsSC1rkc7dgoUevaL0LEbekCJz5cFWc5AbQhDN6e_hiGupL022C-LcK8qLt2iy1IXyjw3GIOWV1fBgqNHyFYq0QLguc-nf_99pmBLzD5z4YNYQ1WV/s320/a84ca7fbc8a6f88ce596fceaa0d271f3-721305.jpg" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_6564591745583723746" /></a></p> <p style="text-align:center"><strong>5 สมุนไพรไทย พิชิตความดันโลหิตสูง</strong></p> <p>ทุกวันนี้ทั่วโลกมีคนที่มีความดันเลือดสูงมากมาย ใน 3 คนมีภาวการณ์ความดันเลือดสูง รวมทั้งคนประเทศไทยที่อายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปเป็นโรคความดันเลือดสูงถึงปริมาณร้อยละ 22 ซึ่งโรคความดันเลือดสูงยังเป็นส่วนที่ทําให้กำเนิดโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคเส้นโลหิตสมอง รวมทั้งโรคหัวใจอีกด้วย ซึ่งการปกป้องด้วยของกินนับได้ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง ที่จะช่วยลดอาการความดันเลือดสูง ดังต่อไปนี้จ้ะ</p> <p> </p> <p style="text-align:center"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhhnLibs8r1ZuYFZesAa4GK1nhmZ59-TAQytT0CpLNU52oxIkWrENvA9S6IZA5UiWMOo6bfNmZ5zb8yKdNEuFTaQkrAx70Pt_D02WkBELLVYe2RNEvISIP9i6AEB_WdQw5tjXVfTBP-I-H-/s1600/be0ba605a5ed1413529424ec3df36c5b-722587.jpg"><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhhnLibs8r1ZuYFZesAa4GK1nhmZ59-TAQytT0CpLNU52oxIkWrENvA9S6IZA5UiWMOo6bfNmZ5zb8yKdNEuFTaQkrAx70Pt_D02WkBELLVYe2RNEvISIP9i6AEB_WdQw5tjXVfTBP-I-H-/s320/be0ba605a5ed1413529424ec3df36c5b-722587.jpg" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_6564591748378920498" /></a></p> <p><span style="font-size:16px"><strong>1. กระเจี๊ยบแดง</strong></span></p> <p>สารแอนโทไซยานินในกระเจี๊ยบแดงสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้หลอดเลือด จึงสามารถลดความดันโลหิตได้</p> <p><span style="font-size:16px"><strong>2. ขึ้นฉ่าย</strong></span></p> <p>มีฤทธิ์ลดความดันโลหิต ขับปัสสาวะ ลดบวม ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ยับยั้งการเกิดมะเร็ง ยับยั้งเนื้องอก ต้านการอักเสบได้ดี ซึ่งคนจีนและคนเวียดนามจะกินขึ้นฉ่ายวันละ 4 ต้น เพื่อรักษาความดันให้เป็นปกติ</p> <p><span style="font-size:16px"><strong>3. บัวบก</strong></span></p> <p>มีคุณสมบัติช่วยขยายหลอดเลือดให้เส้นเลือดฝอยมีการไหลเวียนดีขึ้น จึงสามารถลดความดันโลหิตได้ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อระบบประสาท มีฤทธิ์คลายความเครียด ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยความดันโลหิตสูงด้วย</p> <p><span style="font-size:16px"><strong>4. พลูคาว (ผักคาวตอง)</strong></span></p> <p>นับเป็นผักสมุนไพรที่มีการศึกษาวิจัยและจดสิทธิบัตรมาก ช่วยรักษาความดันโลหิตสูง ริดสีดวงทวาร แผลในกระเพาะอาหาร ภาวะหลอดเลือดแข็งตัวเนื่องจากมีการสะสมของไขมัน (Atherosclerosis)</p> <p><span style="font-size:16px"><strong>5. มะรุม</strong></span></p> <p>พบว่าในส่วนของใบและราก มีฤทธิ์ในการลดความดันโลหิตได้ โดยสามารถนํารากมาต้มกินเป็นซุป, นํายอดมาต้มกิน, นํารากมาต้มกับรากย่านาง กินหรือใช้ยอดมะรุมสด นํามาโขลกคั้นเอาน้ำ ผสมน้ำผึ้งพอหวาน กินวันละ 2 ครั้ง ครั้งละครึ่งแก้ว จะช่วยลดความดัน ซึ่งเมื่อหยุดกินยาความดันโลหิตก็เพิ่มขึ้นมาอีก จึงต้องกินอย่างต่อเนื่อง</p> <p>ความดีงามของพืชผักสวนครัวบ้านเรา นอกจากจะทำให้เจริญอาหารแล้วยังมีประโยชน์ในด้านการรักษาโรคด้วย เจ๋งจริงๆค่ะ!</p> อาหารเพื่อสุขภาพhttp://www.blogger.com/profile/16486872290051078796noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2951356862887852460.post-44935904810397653312018-06-07T22:35:00.000-07:002018-06-07T22:36:05.706-07:004 สูตรทำโจ๊กคลีน อิ่มสบายดีกับสุขภาพรับยามเช้า<p style="text-align:center"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgmmIJP4SIrcu7mylYAN8OdLbInyAK5XM5bOhNQQ5ZXRHuMUVzFA9aUKxdCeRFtFjDLRKy16idF7zR9ZB8kDfXV6SCmuksnkQYGt4SEQc3ZrA1KuW6ZWRggoQhb6jpKp4eLmEG3zC7eY3BQ/s1600/b06c8e15ff49ed29a24c4c9137c48725-765712.jpg"><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgmmIJP4SIrcu7mylYAN8OdLbInyAK5XM5bOhNQQ5ZXRHuMUVzFA9aUKxdCeRFtFjDLRKy16idF7zR9ZB8kDfXV6SCmuksnkQYGt4SEQc3ZrA1KuW6ZWRggoQhb6jpKp4eLmEG3zC7eY3BQ/s320/b06c8e15ff49ed29a24c4c9137c48725-765712.jpg" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_6564583344398940578" /></a></p> <p>ชวนมาผอมไปด้วยกัน ! สายสุขภาพเชิญพบกับเมนูโจ๊กคลีน เนื้อเนียนใส่เครื่องเคราตูม ๆ กินอร่อยอุ่นลิ้นอิ่มสบายท้อง พร้อมตักความอร่อยกันยังทุกคน</p> <p style="text-align:center"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjl39oXZeS0_eyHuXb6ZmTT0OLrkKjsnxC6jCIjjOHtBqRXpDk6ErLgQ1L27k6uvHVFB9aVjKtQHkhQucKSm3tHpx9t_V7mzhHsb_niztfZSwOyd1xFv1N5o_kcO_pw9cixnUZeOXwZIaUx/s1600/edc13caa478d48567ba14a21b9db257e-768275.jpg"><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjl39oXZeS0_eyHuXb6ZmTT0OLrkKjsnxC6jCIjjOHtBqRXpDk6ErLgQ1L27k6uvHVFB9aVjKtQHkhQucKSm3tHpx9t_V7mzhHsb_niztfZSwOyd1xFv1N5o_kcO_pw9cixnUZeOXwZIaUx/s320/edc13caa478d48567ba14a21b9db257e-768275.jpg" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_6564583358552699138" /></a></p> <p>4 สูตรทำโจ๊กคลีน อิ่มสบายดีกับสุขภาพรับเช้า</p> <p>ใครกำลังมองหาขั้นตอนการทำโจ๊ก แบบคลีนๆกันบ้างเอ่ย ถ้าหากต้องการรู้ว่าไม่เหมือนกับโจ๊กทั่วๆไปยังไง ติดตามรับดูกันเลยจ้ะ พวกเราขอนำเสนอกระบวนการทำโจ๊กคลีน มีอีกทั้งโจ๊กข้าวโอ๊ต โจ๊กไข่ขาว และก็โจ๊กอกไก่ เหมาะสมเป็นเมนูอาหารยามเช้าเพื่อสุขภาพ รับสักถ้วยชามไหมขา</p> <p> </p> <p><strong>1. โจ๊กข้าวโอ๊ตกุ้ง </strong></p> <p> จากที่ทำเครื่องดื่มจากข้าวโอ๊ต ลองแปลงร่างมาทำเป็นโจ๊กคลีนกันดีไหม ขอนำเสนอโจ๊กข้าวโอ๊ตกุ้ง สูตรจาก อินสตาแกรม simplydesigncooking จับกุ้งไปหมักกับผงกระเทียมและพริกปาปริก้าแล้วเอาไปผัดจนสุก สุดท้ายโปะบนโจ๊กข้าวโอ๊ต</p> <p>ส่วนผสม โจ๊กข้าวโอ๊ตกุ้ง </p> <p>กุ้งสด (ปอกเปลือกเหลือหาง) </p> <p>ผงกระเทียม<br /> ปาปริก้า <br /> ข้าวโอ๊ต<br /> น้ำเปล่า หรือน้ำซุป (ตามปริมาณข้างกล่องของข้าวโอ๊ต แต่ละยี่ห้ออาจจะไม่เท่ากัน) <br /> ซีอิ๊วขาว <br /> พริกไทย</p> <p>วิธีทำโจ๊กข้าวโอ๊ตกุ้ง</p> <p> 1. เอากุ้งไปหมักกับผงกระเทียมและปาปริก้า ผัดให้พอสุก <br /> 2. ผสมข้าวโอ๊ตกับน้ำเปล่า หรือน้ำซุป เทใส่ลงในหม้อตั้งไฟกลางคนจนเริ่มข้น ตักใส่ถ้วย โปะกุ้งลงไปด้านบน ก่อนเสิร์ฟปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและพริกไทย </p> <p><br /> ++++++++++++++++++</p> <p><br /> <strong>2. โจ๊กข้าวโอ๊ต </strong></p> <p> เมื่อเช้าเพิ่งทำโจ๊กข้าวโอ๊ตกุ้งไป มื้อเย็นไม่อยากกินซ้ำเดิมขอเปลี่ยนเป็นโจ๊กข้าวโอ๊ตไก่สับ สูตรจาก เฟซบุ๊ก Homemade Clean Food จับไก่หมักกับเครื่องปรุงแล้วเอาไปต้มในน้ำซุปกระดูกไก่พร้อมกับใส่ข้าวโอ๊ตลงต้ม ก่อนเสิร์ฟโรยหน้าด้วยขิง</p> <p>ส่วนผสม โจ๊กข้าวโอ๊ต</p> <p> ไก่สับ<br /> ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนชา<br /> พริกไทยป่น (ปรุงรส)<br /> น้ำมันงา 1-2 หยด<br /> น้ำซุปกระดูกไก่<br /> ข้าวโอ๊ต 50-100 กรัม<br /> ขิงซอย<br /> ต้นหอมซอย</p> <p>วิธีทำโจ๊กข้าวโอ๊ต</p> <p> 1. หมักไก่สับกับซีอิ๊วขาว พริกไทย และน้ำมันงาเข้าด้วยกัน หมักทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง (เพื่อไก่สับจะมีรสชาติดี)<br /> 2. ต้มน้ำซุปกระดูกไก่ จากนั้นตักใส่ถุงแล้วนำไปแช่เย็นจนไขมันจับเป็นก้อน จากนั้นนำออกมาตักหรือกรองเอาไขมันแข็ง ๆ ออก <br /> 3. นำน้ำซุปที่ตักไขมันออกมาต้มอีกครั้ง ใส่ไก่สับที่หมักไว้ลงต้มจนสุก<br /> 4. ใส่ข้าวโอ๊ตลงไปต้มจนสุก ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยขิงซอย ต้นหอมซอย และพริกไทยป่น</p> <p><br /> ++++++++++++++++++</p> <p><br /> <strong>3. โจ๊กไข่ขาว</strong> </p> <p> ใครไม่มีข้าวโอ๊ตก็ไม่ต้องไปหาซื้อ ลองใช้ไข่ขาวก็ได้ค่ะ ขอนำเสนอโจ๊กไข่ขาว สูตรจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1474198 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับไข่ขาวผสมกับน้ำร้อนแล้วนำเข้าไมโครเวฟจนเนื้อข้นตามชอบ สุดท้ายโปะด้วยผักและเนื้อสัตว์</p> <p>ส่วนผสม โจ๊กไข่ขาว</p> <p>ไข่ขาวสำเร็จรูป (จะซื้อไข่ไก่เป็นแพ็กแล้วมาแยกไข่ขาวเองก็ได้ไม่ว่ากัน)<br /> เครื่องเคียง เช่น ผักต้ม, ทอดมันเจ, แซลมอนรมควัน <br /> เครื่องปรุงรสตามชอบ เช่น ซีอิ๊วขาว, ซอสแม็กกี้ </p> <p>น้ำร้อน<br /> <br /> วิธีทำโจ๊กไข่ขาว</p> <p> 1. เริ่มจากต้มผักและผัดเครื่องเคียงตามใจชอบ จากนั้นพักไว้ <br /> 2. เทไข่ขาวลงในชามแล้วเติมน้ำร้อนลงไป (อัตราส่วนของไข่ขาวต้องมากกว่าน้ำร้อนประมาณครึ่งหนึ่ง) และคนให้เข้ากัน ก่อนนำเข้าไมโครเวฟแนะนำให้ปิดภาชนะด้วยพลาสติกถนอมอาหาร (เพื่อป้องกันไม่ให้ไข่ขาวแตกกระจายเวลานำเข้าไมโครเวฟจนร้อนเกินไป) ซึ่งระหว่างนี้ต้องคอยสังเกตดูเนื้อของโจ๊กเรื่อย ๆ (ประมาณทุก ๆ 2 นาที) พอได้เนื้อโจ๊กที่ต้องการก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ตักใส่ชาม เติมเครื่องเคียงและปรุงรสได้ตามชอบ</p> <p><br /> ++++++++++++++++++</p> <p><br /> <strong>4. โจ๊กอกไก่ปั่น</strong></p> <p> มาลองทำกันเถอะสำหรับเมนูโจ๊กอกไก่ปั่น สูตรจาก คุณ FMR_Woodyinho สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับข้าวต้มผสมกับเนื้ออกไก่ปั่น ก่อนเสิร์ฟโรยหน้าด้วยอกไก่ฉีก ขิง ต้นหอม และผักชี</p> <p>ส่วนผสม โจ๊กอกไก่ปั่น</p> <p>ข้าวหอมมะลิ (หรือข้าวอะไรก็ได้ที่มี) 1/2 ถ้วยตวง<br /> น้ำเปล่า (สำหรับต้มข้าว เพิ่ม-ลด ได้) 5 ถ้วยตวง <br /> อกไก่ (ประมาณ 500 กรัม ไม่แน่ใจ) 2 อก <br /> น้ำเปล่า (สำหรับต้มไก่) 1+1/2 ถ้วยตวง <br /> เกลือ 1 ช้อนชา<br /> ขิงซอย ต้นหอม ผักชี และพริกไทย (สำหรับโรยหน้า)<br /> ซีอิ๊วขาว <br /> ไข่ต้ม </p> <p> ผักต้ม </p> <p>วิธีทำโจ๊กอกไก่ปั่น</p> <p> 1. ต้มข้าวให้สุกนิ่ม ใช้เวลานานนิดหนึ่ง (แต่จริง ๆ แล้วทำโจ๊กต้องใช้ปลายข้าวเม็ดละเอียด ๆ จะได้นิ่มเร็ว) เมื่อข้าวได้ที่แล้วยกลงจากเตา<br /> 2. นำอกไก่ไปต้มให้สุก เก็บน้ำต้มไก่ไว้ใช้ตอนปั่นด้วย (หากใครมีสองเตา ต้มข้าวพร้อมกับต้มไก่ไปด้วยเลย จะได้ประหยัดเวลา)<br /> 3. นำอกไก่เกือบทั้งหมดใส่โถปั่น ปั่นจนละเอียด เหลือไว้สองสามชิ้นสำหรับทำไก่ฉีกโรยหน้าโจ๊ก<br /> 4. นำไก่ที่ปั่นแล้วเทใส่หม้อข้าวต้มคนให้เข้ากัน เติมเกลือเพิ่มรสชาติ ลักษณะของข้าวจะข้นขึ้นคล้าย ๆ กับใส่นมผง พอเดือดก็ยกลง<br /> 5. ตักใส่ชาม โรยด้วยไก่ฉีก ขิงซอย ต้นหอม ผักชี และพริกไทย</p> <p><br /> อิ่มอร่อยยามเช้าแบบคลีน ๆ กับเมนูโจ๊กคลีนกันเถอะ มีทั้งโจ๊กที่ทำจากข้าวโอ๊ต ไข่ขาว และอกไก่ ใส่ไข่ต้มหรือไข่ลวกลงไปสักฟอง แค่นี้ก็ฟินแล้ว</p> อาหารเพื่อสุขภาพhttp://www.blogger.com/profile/16486872290051078796noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2951356862887852460.post-46582177096407486592018-06-07T21:55:00.001-07:002018-06-07T21:55:21.925-07:003 เมนูยำเจ เผ็ดแซ่บขั้นเทพรับเทศกาลเจ<p><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh4CqrNK4AgPntCAGoELGUbDcwjJVyQsAkegVxmQU2ySPL3CshtEm9ECy1PCuVUiyHx2jimHP7AC7Le9wHQ_KsCI7vB71i6915qC7-sluskwxeG9I84flqoTsRAb7St7nf0de-h2KJ8TjXC/s1600/f88667d72b545f6f7915441210c8b6b7-721948.jpg"><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh4CqrNK4AgPntCAGoELGUbDcwjJVyQsAkegVxmQU2ySPL3CshtEm9ECy1PCuVUiyHx2jimHP7AC7Le9wHQ_KsCI7vB71i6915qC7-sluskwxeG9I84flqoTsRAb7St7nf0de-h2KJ8TjXC/s320/f88667d72b545f6f7915441210c8b6b7-721948.jpg" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_6564572855738111282" /></a></p> <p>กินเจก็แซ่บได้ ! ชวนทำเมนูยำเจ อาหารเจรสเผ็ดยั่วต่อมจี๊ด เครื่องแน่นทั้งผักและโปรตีน พร้อมกับสูตรน้ำยำนัวสุด ๆ เหมาะแจ้งเกิดรับเทศกาลเจ</p> <p><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhirOTv_4UWFfby5p9FpQFFgAgEGuWK9zxAtWw2I6ss3MvCrr-Z5i9h42Wh7FaBNX6NVDsLVgHmxtY85EIwdxFR6HXXgFu8eMS1Kjw3E08039WKtgnA9Shbl2GAaj5jxNkfgsFO_mZO_gcO/s1600/9b0ac7a27bc2c02a41dfd773f6ff84bf-724917.jpg"><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhirOTv_4UWFfby5p9FpQFFgAgEGuWK9zxAtWw2I6ss3MvCrr-Z5i9h42Wh7FaBNX6NVDsLVgHmxtY85EIwdxFR6HXXgFu8eMS1Kjw3E08039WKtgnA9Shbl2GAaj5jxNkfgsFO_mZO_gcO/s320/9b0ac7a27bc2c02a41dfd773f6ff84bf-724917.jpg" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_6564572863377064962" /></a><br /> </p> <p>3 เมนูยำเจ เผ็ดแซ่บขั้นเทพรับเทศกาลเจ</p> <p>ตอนเทศกาลเจจะให้รับประทานแต่ว่าอาหารเจจืดจางอาจจะไม่ไหว ทดลองสลับปรุงอาหารแซ่บๆมากินบ้างดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอ 3 แนวทางการทำยำเจ เช่น ยำหมี่กึง ยำเห็ดรวมเจ รวมทั้งยำวุ้นเส้น รับประทานอร่อยแคลอรีต่ำ ไม่ต้องมีข้าวสุกก็อิ่มท้องแรง </p> <p><br /> 1. ยำหมี่กึง </p> <p> ไปจ่ายตลาดช่วงกินเจอย่าลืมซื้อหมี่กึงติดไม้ติดมือมาด้วยล่ะ จะชวนทำเมนูยำหมี่กึง สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน หมี่กึงทอดกรอบ ๆ คลุกเคล้ากับน้ำยำ ใส่มะเขือเทศกับเห็ดลงไปด้วย แหม… หน้าตาดูดี ใครล่ะจะอดใจไหว</p> <p>ส่วนผสม ยำหมี่กึง</p> <p> • หมี่กึง (หั่นแว่น) 150 กรัม<br /> • มะเขือเทศราชินีหั่นครึ่ง 50 กรัม<br /> • เห็ดชิเมจิสีน้ำตาล 50 กรัม<br /> • ขึ้นฉ่าย (หั่นท่อน) 1/4 ถ้วยตวง<br /> • พริกขี้หนูโขลกพอแหลก 7 เม็ด<br /> • น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ<br /> • น้ำตาลทราย 1+1/2 ช้อนชา<br /> • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา<br /> • น้ำมันพืช สำหรับทอด<br /> • น้ำเปล่า สำหรับลวก</p> <p>วิธีทำยำหมี่กึง</p> <p> • 1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช พอน้ำมันร้อนใส่หมี่กึงลงทอดพอสุกเหลืองกรอบ ตักขึ้นพักไว้<br /> • 2. ต้มน้ำเปล่าพอเดือด ใส่เห็ดชิเมจิลงลวกพอสุก ตักขึ้นพักไว้<br /> • 3. ผสมพริกขี้หนู น้ำมะนาว น้ำตาลทราย และเกลือป่น คนพอเข้ากัน<br /> • 4. ใส่หมี่กึง มะเขือเทศ ขึ้นฉ่าย และเห็ดชิเมจิ คลุกเคล้าพอเข้ากัน ตักใส่ภาชนะ จัดเสิร์ฟ</p> <p> <br /> +-+-+-+-+-+-+-+-+-+</p> <p><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEitpqBZvgMYVSzF-v7y_fLoYCYEXHui-A-mKlkEdl3D9SLskTG4YUAAkaq4nRCBCxcc3LZgSwutvYJNdRNlEiD_eUPIxWWYYWgwd1jYJZB9A1tuq1DiTWmrwjASKep0KaJaYmVpnJ8kx0LD/s1600/7f334cce571a71f276a4a0e1e375f98f-726880.jpg"><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEitpqBZvgMYVSzF-v7y_fLoYCYEXHui-A-mKlkEdl3D9SLskTG4YUAAkaq4nRCBCxcc3LZgSwutvYJNdRNlEiD_eUPIxWWYYWgwd1jYJZB9A1tuq1DiTWmrwjASKep0KaJaYmVpnJ8kx0LD/s320/7f334cce571a71f276a4a0e1e375f98f-726880.jpg" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_6564572874860947586" /></a><br /> 2. ยำเห็ดรวมเจ</p> <p> สำหรับสาว ๆ ที่มองหาเมนูยำแคลอรีต่ำ นี่เลยขอแนะนำเมนูยำเห็ดรวมเจ ชอบเห็ดชนิดไหนก็จับไปลวกและใส่ลงไปคลุกเคล้ากับน้ำยำ กินแล้วเพลินลิ้นหยุดไม่ได้จริง ๆ </p> <p>ส่วนผสม ยำเห็ดรวมเจ</p> <p> • เห็ดออรินจิ (หั่นเฉียงเป็นชิ้นบาง) 100 กรัม<br /> • เห็ดเข็มทอง (ฉีกเป็นเส้น) 100 กรัม<br /> • เห็ดชิเมจิขาว-ดำ 100 กรัม<br /> • ขึ้นฉ่าย (หั่นท่อน)<br /> • แครอทซอยเป็นเส้น 1/2 ถ้วย<br /> • พริกขี้หนูสับหยาบ 5-10 เม็ด<br /> • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ<br /> • ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ<br /> • น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ</p> <p>วิธีทำยำเห็ดรวมเจ</p> <p> • 1. ล้างเห็ดทั้งหมดให้สะอาด สะเด็ดน้ำ เตรียมไว้<br /> • 2. ใส่พริกขี้หนูสับหยาบ (ตามชอบ) น้ำมะนาว ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทรายลงในอ่างผสม คนจนน้ำตาลละลายหมด ใส่หอมแดง (ถ้ากินเจไม่ต้องใส่) และขึ้นฉ่ายซอย เคล้าผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้<br /> • 3. ใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟจนเดือด ใส่เห็ดทั้งหมดลงลวกจนสุก ตักขึ้นสะเด็ดน้ำจนแห้ง ใส่ลงในส่วนผสมน้ำยำ เคล้าผสมให้เข้ากันเบา ๆ ชิมรสตามชอบ ตักใส่จาน </p> <p><br /> +-+-+-+-+-+-+-+-+-+</p> <p><br /> 3. ยำวุ้นเส้นเจ</p> <p> และแล้วก็มาถึงเมนูยำวุ้นเส้นเจที่รอคอย สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน จัดเต็มเครื่องเคราสารพัด เพิ่มความกรุบจากถั่วลิสงคั่ว ใครอยากลองเชิญเลยจ้า</p> <p>ส่วนผสม ยำวุ้นเส้นเจ</p> <p> • ปลาหมึกเจ 100 กรัม<br /> • กุ้งเจ 50 กรัม<br /> • เห็ดหูหนูขาว 50 กรัม<br /> • แครอท (หั่นตามยาว) 30 กรัม<br /> • วุ้นเส้น (แช่น้ำพอนิ่ม) 100 กรัม<br /> • ซีอิ๊วขาว 1+1/2 ช้อนโต๊ะ<br /> • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ<br /> • น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา<br /> • พริกสดสีแดง (โขลกหยาบ) 7 เม็ด<br /> • มะเขือเทศ (หั่นเป็นชิ้น) 50 กรัม<br /> • ขึ้นฉ่าย (หั่นเป็นท่อน) 1 ต้น<br /> • ถั่วลิสงคั่ว 20 กรัม</p> <p>วิธีทำยำวุ้นเส้นเจ</p> <p> • 1. ลวกปลาหมึกเจ กุ้งเจ เห็ดหูหนูขาว และแครอทจนสุก ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำ<br /> • 2. ลวกวุ้นเส้นให้สุก ตักใส่อ่างผสมตามด้วยส่วนผสมในข้อที่ 1 ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำมะนาว น้ำตาลทราย และพริกสด<br /> • 3. ใส่มะเขือเทศ ขึ้นฉ่าย และถั่วลิสง คลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักใส่จานเสิร์ฟ</p> <p><br /> เห็นเมนูยำเจแล้วเปรี้ยวปาก แม้จะผ่านพ้นเทศกาลเจไปแล้วก็ยังทำกินได้ไม่ตกเทรนด์ จะปรุงรสเผ็ดมากน้อยก็เอาที่สบายใจปากเลยจ้า</p> อาหารเพื่อสุขภาพhttp://www.blogger.com/profile/16486872290051078796noreply@blogger.com0